ขออีกคำถามครับ เรื่อง blue light กับ led ที่มาแทนหลอดฟลูและไส้

ผมเข้าใจถูกมั้ยครับว่า LED ที่เป็นเทรนอยู่ตอนนี้ ที่เข้ามาแทนหลอดฟลูและไส้

มันมีแสงสีฟ้า มากกว่าหลอดอื่นๆ ซึ่งตอนแรกลืมไปว่ามันมีสีขาวได้ยังไง(RGB อีกละ)

มิน่าหล่ะ ตอนเลือกหลอดไฟ ลองเข้าไปดูโชว์รูมแสง led มันไม่สบายตาเอาซะเลย

เลยกลับมาใช้ฟลูเหมือนเดิม

งั้นแสดงว่าคนใช้ led ทั้งบ้าน ตาจะแพ้แสงง่ายเร็วขึ้นจริงหรือไม่ ??
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
คือ LED หลอดสีขาวนี้  ส่วนใหญ่มันคือ Blue LED ที่ใช้สาร Gallium nitride แพร่แสงสีน้ำเงิน
ที่มีความยาวคลื่น 465 นาโนเมตร  และมีการมีการเคลือบสารเรืองแสง phosphor ใว้  เพื่อให้
phospher นี้ปล่อยแสงในย่านสีเหลืองออกมาผสมกับแสงย่านสีน้ำเงิน  ทำให้เกิดการเฉลี่ย spectrum
ของแสงที่ออกมาให้กลมกลืนกัน  กลายเป็น "สีขาว" นั่นเองครับ  LED สีขาวแบบนี้  เรียกว่า Di - Chromatic White


และด้วยทฤษฏีที่ว่า photons ที่ย่านแสงสีน้ำเงินนั้น จะสร้างพลังงานต่อสิ่งที่มันตกกระทบ
ได้มากกว่า photons ของแสงสีย่านอื่น หรือพูดง่าย ๆ คือแสงสีน้ำเงินมีพลังงานมากกว่าแสงย่านอื่น
ทฤษฏีนี้ ถูกนำมา "เชื่อมโยง" กับการทำงานของ LED แบบสีขาวนี้มากครับ  โดยเชื่อมโยงว่า
พื้นฐานของ LED แบบนี้คือเป็นสีฟ้าแบบ narrow band  ดังนั้น มันจึงอาจอันตรายต่อดวงตาของเราได้

ซึ่งข้อเท็จจริงคือ photons ในย่านแสงสีน้ำเงิน นั้น  ถูก absorb ใว้โดย phosphor มากแล้ว
และย่านพลังงานสูงอันนี้ก็ไม่ได้ effect ต่อดวงตาเราอีกต่อไปครับ  ดังนั้น  แสง LED สีขาว
ก็ไม่ได้เป็นสาเหตุให้ล้าสายตาครับ

ส่วน LED สีขาวที่ราคาแพงขึ้นมาอีก  ก็เป็น LED สีขาวประเภท Tri - Chromatic White  ผลิตโดยการเคลือบ
ด้วยสารเรืองแสงหลายย่านความยาวคลื่น  โดยใช้สารเรืองแสงที่ให้แม่สีแสงหลักร่วมกัน  เมื่อผสม spectrum
ของแสงแล้ว  ก็จะได้แสงสีขาวครับ  จุดเด่นของ LED แบบนี้ คือ  แสงสีขาวออกมานั้นจะมีคุณภาพดีกว่า
เพราะเป็นการผสมกันจากหลายย่านแสงของสารเรืองแสงครับ  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่